ก่อนแนะนำวิธีการชงกาแฟ คงปฎิเสธไม่ได้ว่า "กาแฟ" เป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ของใครต่อใครหลายๆคน ถ้าไม่ได้ดื่มก็เหมือนขาดอะไรบางอย่าง เพราะมันเติมเต็มความสดใสยามเช้า กระปี่กระเป่า แอคทีฟ ได้อย่างบอกไม่ถูก ใครที่เป็นคอกาแฟคงก้าวข้ามความเป็นนักดื่มกาแฟซองมาแล้ว และถ้าอยากหาประสบการณ์กับการชงวิธีใหม่ๆ วันนี้จึงมาแนะนำวิธีการชง ให้เป็นทางเลือกสำหรับคอกาแฟกัน
1. Drip
เป็นวิธีที่เราเห็นกันบ่อยในปัจจุบัน โดยเป็นการชงกาแฟผ่านกระดาษกรอง โดยให้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนค่อยๆ ไหลผ่านกระดาษกรอง (หรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip) ลงไปยังภาชนะรองรับ และอาศัยอุณหภูมิน้ำที่พอเหมาะ รวมถึงความเร็วในการเทน้ำที่พอดี เพื่อจะได้กาแฟที่ดีที่สุดออกมา
Tip:
ใส่กาแฟไว้ด้านบนก่อนจะใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิ 80-94 องศาเซลเซียส เทผ่านตัวกรองเหล่านั้น โดยเมล็ดกาแฟคั่วบดที่ใช้มักจะเป็นชนิดบดปานกลาง-บดละเอียด เพราะจะทำให้การสกัดกาแฟสดมีรสชาติพอดีกับอัตราการไหลของน้ำ
2. French Press
วิธี French Press (เฟรนช์ เพรส) ต้นตำรับการชงกาแฟสดจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีสไตล์การชงที่เป็นเอกลักษณ์ การชงกาแฟแบบกด โดยที่ใช้แค่น้ำกับกาแฟบดโดยตรง เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่บริสุทธิ์ที่สุด โดยมีขั้นตอนการชงที่เรียบง่ายที่สุดเช่นกัน แค่ ใส่ เติม กด ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน
Tip:
ใส่เมล็ดตามปริมาณที่ต้องการ กาแฟที่บดหยาบ-บดปานกลางเพื่อให้เมล็ดกาแฟไม่หลุดผ่านตัวกรองลงมา และเติมน้ำร้อนจนเกือบเต็ม ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที จากนั้นค่อยๆ ใช้ตัวกรองด้านบนกดลงเพื่อดันกากกาแฟไว้ด้านล่าง
3. Moka Pot
Moka Pot คือหม้อต้มกาแฟสดสไตล์อิตาเลียน โดยวิธีการชงแบบนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคอกาแฟที่ต้องการกาแฟเข้มๆ เพราะจะดึงรสชาติที่เข้มข้นของกาแฟได้ออกมาอย่างเต็มเปี่ยม โดย Moka pot จะมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ หม้อใส่น้ำ, กรวยใส่กาแฟ และตัวกาด้านบน โดยวิธีชงก็สามารถทำได้โดยการใส่น้ำลงไปในหม้อให้ถึงขีดที่มีแนะนำเอาไว้ ใส่กรวยกาแฟลงไป จากนั้นจึงใส่กาแฟตาม หลังจากนั้นก็ปิดฝา และนำไปต้มบนเตาแก๊ส เมื่อถึงจุดที่น้ำในหม้อน้ำร้อนได้ที่ ไอน้ำจะดันให้น้ำพุ่งขึ้นผ่านกาแฟ จากนั้นเมื่อเราปิดไฟ น้ำกาแฟที่เหลือจะดันตัวขึ้นมาอยู่ในกาด้านบน ถือเป็นการเสร็จขั้นตอนการชงโดยใช้หม้อ Moka Pot
Tip:
ส่วนใหญ่มักนิยมใช้การบดเมล็ดกาแฟที่ละเอียดมาก เล็กกว่าเม็ดน้ำตาล แต่ไม่ป่น เพราะจะทำให้รสชาติเข้มจนขมมากเกินพอดี นอกเหนือจากนี้ ควรใช้น้ำที่ร้อนอยู่ก่อนแล้ว ต้มผ่านเครื่องอีกครั้ง เพื่อให้ช่วงระยะเวลาการชงกาแฟสั้นลง
4. Syphon
การชงกาแฟแบบสูญญากาศ Syphon (ไซฟอน) อาจดูแปลกตา และหาดูได้ยากในปัจจุบัน ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยปี ค.ศ.1840 ซึ่งหลังจากนั้นมาอีกร้อยกว่าปี ‘อะกิร่า โคโนะ’ (คนญี่ปุ่น) ได้คิดค้นการดัดแปลงกรรมวิธีเดิมนี้ให้เป็นรูปแบบสมัยใหม่ เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟสดที่กลมกล่อม ซึ่งปัจจุบันวิธีการชงกาแฟแบบสูญญากาศนี้ถูกเรียกว่า Syphon Coffee
โดยวิธีการชงจะใช้หลักสูญญากาศ ซึ่งจะต้องใส่กาแฟไว้ในหม้อด้านบน Upper Bowl จากนั้นจึงเติมน้ำใส่ลงไปในหม้อด้านล่าง Lower Bowl ปิดฝาหม้อด้านบน แล้วจุดไฟต้มน้ำให้เดือด จากนั้นน้ำจะถูกดันขึ้นไปยังหม้อด้านบน เมื่อถึงเวลานี้ก็ให้ดับไฟและรอให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟลงมายังหม้อด้านล่าง
Tip:
ลักษณะการชงที่ใช้อุปกรณ์ 2 ชิ้นคือ Upper Bowl และ Lower Bowl โดยจะทำการใช้เมล็ดกาแฟคั่วบดแบบละเอียดในการใส่ลงไปบน Upper Bowl โดยที่ต้องมีตัวกรองอยู่ด้วยเพื่อไม่ให้ผงกาแฟหล่นลงด้านล่าง เมื่อกาแฟได้ที่ จึงค่อยๆ ปล่อยให้กาแฟไหลผ่านตัวกรองลงมาที่ Lower Bowl จะได้กาแฟสดที่รสชาติละมุน กลมกล่อม และหอม จากการชงแบบ Syphon แล้ว
5. Espresso
การชงกาแฟแบบ Espresso คือการชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด ซึ่งเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้
โดยมีวิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำให้ได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่วไปที่ชงผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟมักดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ใส่น้ำตาลหรือนมเพิ่ม และมักจะเสิร์ฟเป็นช็อต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป
Tip:
เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว สามารถชงได้แบบถ้วยต่อถ้วย
โดยส่วนมากมักนิยมใช้เมล็ดคั่วบดที่มีความละเอียดมาก เพื่อทำให้รสชาติของกาแฟหอมและสดใหม่ตลอดเวลา
6. Aeropress
การชงกาแฟแบบ Aeropress เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ เพราะมีวิธีการแค่เติมน้ำร้อนที่ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการให้เหมาะสมกับกาแฟแต่ละชนิด โดยการทำกาแฟแบบ Aeropress จะเป็นการใช้แรงดันอากาศ ดันน้ำร้อนให้ผ่านผงกาแฟ และกรองด้วย filter ที่มีรูพรุนขนาดเล็ก
Tip:
ส่วนใหญ่จะใช่เมล็ดกาแฟที่บดปานกลาง และด้วยการชงที่ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว สามารถพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนได้ ทั้งปริมาณกาแฟ และความร้อนของนำ้ ทำให้การชง Aeropress มีเสน่ห์น่าค้นหา
7. Chemex
Chemex คือ กรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง ซึ่งมีหลักการพื้นฐานคล้ายคลึงกับการชงกาแฟโดยใช้เทคนิค เดียวกันกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟและผ่านกระดาษกรองลงไป แต่จะแตกต่างกันที่วิธีการใน ทุกขั้นตอนจะต้องทำด้วยมือตั้งแต่การบดไปจนถึงการเทน้ำร้อนใส่ลงบนผงกาแฟ ที่อาศัยกระบวนการดูดซับกาแฟออกจากเมล็ดกาแฟ ตัวกรองของ Chemex นั้นจะไม่ถูกฟอกขาว และจะมีความหนามากกว่าตัวกรองในการทำ Drip โดยทั่วไป ส่งผลให้การกลั่นกาแฟแบบ Chemex นั้นกินเวลามากกว่า แต่มีข้อดีคือจะได้กาแฟที่เข้มข้น สะอาด ธรรมชาติ มีกลิ่นและรสชาติที่หอมน่ารับประทานกว่าการชงแบบ Drip ทั่วไป จนใครหลายๆ คนที่ได้ลองชิมกาแฟที่ชงด้วย Chemex แล้วถึงกับ ‘เมิน’ กาแฟที่ชงด้วยเครื่อง auto-drip ไปทันใด
Tip:
เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะใช้เวลา ใช้เมล็ดกาแฟที่บดระดับหยาบ-ปานกลาง ควรชั่งนำ้หนักกาแฟ จับเวลาการเทนำ้ เพื่อรักษาคุณภาพของกาแฟ ให้ได้รสชาติและกลิ่นของกาแฟที่ดีที่สุด
ทั้งหมดคือเสน่ห์ทั้งหมดการการรังสรรค์กาแฟสดหลากหลายสไตล์ ที่มีความเป็นมาและพิถีพิถันจนหลายคนหลงใหล ทราบกันแบบนี้แล้วก็คงทำให้การดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชนิดนี้มีความอร่อยมากยิ่งขึ้น หรือจะเก็บไปทำการบ้าน แล้วลองรังสรรค์รสชาติที่เป็นสไตล์ของตัวเองก็ไม่ว่ากันครับ
cr : mangozero.com
: suzuki-coffee.com
Comments