ระดับการคั่วที่แตกต่างกัน ส่งผลโดยตรงกับรสชาติกาแฟอย่างไร? วันนี้เราจะมาอธิบายสั้นๆ ให้เข้าใจกันได้ง่ายๆค่า.. การคั่วนั้นมีหลายระดับ ไล่ตั้งแต่ Cinnamon Roast, Light Roast, City Roast (Medium Roast), Full City, Dark Roast, French Roast, Italian Roast หรืออธิบายหลักการง่ายๆ ก็คือ ไล่จากระดับความเข้มของการคั่วตั้งแต่อ่อนสุดไปจนมากที่สุด หรือสามารถแบ่งการคั่วเมล็ดกาแฟเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็สามารถแบ่งเป็นสามระดับ ดังนี้ ระดับการคั่วแบบอ่อน, ระดับการคั่วแบบกลาง, และระดับการคั่วแบบเข้ม นั่นเอง
ระดับการคั่วแบบอ่อน (Light Roast) ลักษณะทางกายภาพ : สีน้ำตาลอ่อน ดูมีความแห้ง (ยังไม่มีน้ำมันออกมาเคลือบผิวเมล็ดกาแฟ) รสสัมผัส : เปรี้ยวชัดเจน ขมน้อย บอดี้บาง กลิ่นชัดเจน เหมาะกับ : ชงร้อนเท่านั้น แบบ Slow Bar เช่น การ Drip
ระดับการคั่วแบบกลาง (Medium Roast) ลักษณะทางกายภาพ : สีน้ำตาลชัดเจน เริ่มมีน้ำมันบนผิวเมล็ดบ้างเล็กน้อย รสสัมผัส : รสเปรี้ยวเริ่มจาง บอดี้ปานกลาง มีและยังไม่มีความขมที่มากเกินไป เหมาะกับ : ชงร้อน/เย็น เช่น Moka Pot, Syphon, French Press หรือการดริปก็สามารถทำได้
ระดับการคั่วแบบเข้ม (Dark Roast) ลักษณะทางกายภาพ : สีน้ำตาลเข้ม ไปจนถึงดำ มีความมันเกาะบนผิวเมล็ดชัดเจน รสสัมผัส : มีความหวาน ไม่มีรสเปรี้ยว รสชาติออกคล้ายช็อกโกแลตหรือถั่ว (Nutty) บอดี้แน่น หอมกลิ่นไหม้ เหมาะกับ : ชงร้อน/เย็น/ใส่นม เนื่องจากกลิ่นและรสชาติของกาแฟจะชัด ไม่โดนรสชาติของนม, น้ำตาล, หรือส่วนประกอบอื่นๆ กลบจนเกินไป..
สรุปได้ว่า.. กาแฟยิ่งคั่วอ่อน ยิ่งมีลักษณะที่เปรี้ยวกว่ากาแฟที่คั่วเข้มขึ้น จากปฏิกิริยา Caramelization ที่แป้งและโปรตีนในเมล็ดกาแฟได้แตกตัวออกกลายเป็นน้ำตาล และกาแฟยิ่งคั่วเข้มขึ้นจะได้ความหวานที่มากขึ้น ทำให้แต่ละระดับความคั่ว จะได้รสชาติที่ต่างกันไปอย่างชัดเจน ซึ่งการคั่วแบบไหนจะดีที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยน้า
Comments